วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

เปลวรักแสงระวี โดย ม่านราตรี (สปันงา)


บทเริ่ม...



“ดู อะไรกัน?”

เสียงถาม ทำให้นายตำรวจนอกเครื่องแบบสองสามนายที่กำลังยืนอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งที่โต๊ะ หันกลับไปมอง แล้วคนหนึ่งก็อุทานออกมาว่า

“ว้าว ผู้หมวด จะไปไหน ทำไมเช้งวับอย่างนี้”

แสงระวี หัวเราะร่วนกับคำพูดเด็กรุ่นน้อง เธอคว้ากระดาษขึ้นมา พูดอย่างอารมณ์ดีว่า

“มีดินเนอร์กับสุดที่รักนะสิ เอะ ทำไมไม่มีชื่อพี่”

ตอนท้ายเธอเสียงแข็ง แล้วก็ถือกระดาษแผ่นนั้นเดินฉับๆ ตรงไปยังห้องหนึ่ง เคาะประตูปังสองสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปโดยไม่สนใจจะให้คนในห้องจะอนุญาต

“พี่ก้อง มีปัญหาอะไร ถึงได้ตัดชื่อของแสงออก ไม่รู้เหรอว่า แสงต้องการทำงานนี้”

พันตำรวจโทก้องภพ ที่กำลังยืนเหมือนจะค้นหาอะไรสักอย่างบนโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นตอบอย่างใจเย็นว่า

“ฉันไม่มีปัญหา แต่สายของเราต้องการทำงานร่วมกับมืออาชีพที่...”

“มืออาชีพ!” แสงระวีตะโกน วางกระดาษลง ใช้มือท้าวโต๊ะ โน้มตัวเข้าหาอีกฝ่าย “แสงไม่เป็นมืออาชีพตรงไหน กี่ครั้งแล้วที่แสงทำผลงานให้เห็น ตำแหน่งแสงก็ไม่ได้ไปนอนกับพี่ก้องเพื่อแลกมานะ”

“ยัยแสง” เขาจุปากอย่างอ่อนใจ กับญาติผู้น้องของภรรยาผู้ก๋ากั๋น “แกจะฟังเหตุผลก่อนไหม ก่อนจะมาฉอดๆ ใส่ฉันอย่างนี้”

“ก็บอกมาสิ ทำไมถึงตัดชื่อแสงออก งานนี้แสงสืบรวบรวมข้อมูลมาตั้งนานแล้วนะ”

“แกไม่เหมาะ และฉันให้ทำไม่ได้ ขืนให้ทำ ทิพย์เอาฉันตาย”

“อย่าเอาเรื่องครอบครัวมาปนกับงาน” แสงระวีย้อน ใช้นิ้วจิ้มไปที่กระดาษ เน้นเสียงว่า

“เอาชื่อแสงใส่เข้าไป”

“ไม่ได้ ฉันบอกแล้วว่าสายของเราต้องการคนที่เป็นมืออาชีพ ไม่อย่างนั้น เขาไม่ร่วมด้วย”

“อ้อ เดี๋ยวนี้ สารวัตรก้องภพ รับคำสั่งจากสายข่าวแล้วหรือคะ แม๊! อยากรู้จักจังว่าใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ถึงมาสั่งได้ถึงเพียงนี้ เลือกคนทำงานร่วมได้ด้วย”

“ก็ถ้าแกจะไม่โมโห จนตาลาย เขาก็อยู่ข้างหลังแกนั่นแหละ”

แสงระวีหันขวับ แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาว ที่ปล่อยกระดุมเม็ดบนสองสามเม็ดให้สาบเสื้อเปิดอ้าเห็นไรขนหน้าอกรำไร แขนเสื้อถลกขึ้นถึงข้อศอก มีเสื้อสูทวางอยู่ไม่ไกล ที่โต๊ะกลางตรงหน้าของเขา มีขวดไวน์ตั้งอยู่สองขวด พอเข้าใจละว่า เขาคงเอามากำนัลเจ้าของห้อง เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหยียดยิ้มแล้วเดินไปหา

“กำนันเปลวหรอกหรือนึกว่าใคร?” แสงระวีทำเสียงเยาะ “หวังว่า คงไม่ใช่เพราะผูกใจเจ็บที่ฉันไปทลายคลังเหล้าเถื่อนของกำนันหรอกนะ”

รอยยิ้มเนือยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ ขณะใช้สายตาคมเข้มกวาดมองเธอ น้ำเสียงห้าวลึกของเขาดังราบเรียบว่า

“ผมไม่สนใจเรื่องนั้น แต่ผมไม่อยากทำงานกับคุณ คุณไม่มีคุณสมบัติอย่างที่ผมต้องการ”

คำพูดตรงไปตรงมาของเขา ทำให้แสงระวีฉุนปี๊ด งานที่เธอหวังจะทำจะจับไอ้คนเลวที่เธอเกลียดจับใจด้วยตัวของเธอเองกำลังจะหลุดลอย แถมสารวัตรก้องภพพี่เขยวัยดึกของเธอ ก็เหมือนจะยอมตามเขาเสียด้วยสิ

“ฉันขาดคุณสมบัติอะไร ไม่ทราบ!”

เปลวสุริยัน สบตาพันตำรวจโทก้องภพ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้น้อยๆ เหมือนจะส่งสัญญาณให้บอกๆ ไปเสียให้จบ ก็เลยพูดว่า

“ข้อแรก เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่...”

“อ่า คุณกำนันขา ฉันคิดว่าด้วยคุณสมบัติข้อนี้ของฉันต่างหากที่ทำให้ฉันเหมาะกับการทำงานนี้อย่างที่สุด”

“คุณเป็นโสด และ...”

“ถ้าการเป็นโสดทำให้ฉันขาดคุณสมบัติแล้วละก็ ตำรวจหญิงทั้งประเทศก็ไม่น้อยนะ”

“ผมไม่ได้หมายความ...”

“แต่ฉันมีคู่หมั้นแล้ว จะโสดไปอีกเดือนสองเดือนเท่านั้น พอจะผ่อนผันอนุโลมเข้ามาตรฐานคุณสมบัติของคุณหน่อยได้ไหมล่ะ คุณกำนันเปลว”

เปลวสุริยัน มองผู้หญิงตรงหน้า อย่างฉุนนิดๆ ที่เขาพยายามอธิบาย แต่เจ้าหล่อนก็เถียงไม่ตกฟาก ท่าทางยียวนไม่ต่างไปจากสองสามปี ก่อนที่เขาเคยเจอเธอเลย

“ผมไม่ได้ตั้งมาตรฐานอะไรมากมาย แค่เป็นมืออาชีพก็พอ และผมคิดว่าคุณคงทำไม่ได้ หยุด...” เขายกมือห้ามก่อนที่เธอจะเถียง

“ผมต้องการผู้หญิงมืออาชีพ ที่ทั้งกล้า ทั้งร้อน ทั้งเร็ว ยั่วยวน เซ็กซี่ และเมคเลิฟเก่ง ผมแตะได้ทุกที่ ทุกเวลา เรากำลังจะเข้าไปในกองถ่ายหนังเซ็กส์ ไม่ได้ไปงานเลี้ยงสถานฑูต” เขากระแทกเสียงในตอนท้าย ลุกขึ้นหยิบเสื้อนอกตัวเองพาดบ่า มองผ่านสาวสวยตรงหน้าไปยังคนด้านหลังพูดว่า

“ถ้าเรียบร้อยก็ส่งข่าวไปเลยนะครับ ช่วงนี้ผมไม่ไปไหน อยู่ที่เกาะนั่นแหละ ฝากความคิดถึงไปให้คุณทิพย์ด้วย”

เขาเดินเฉียดเธอ ลดเสียงลงเมื่อพูดว่า “ถ้าคุณคิดว่าทำได้ ผมก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะ...อยากรู้เหมือนกันว่า จะใช้ปากทำอย่างอื่นได้เก่งนอกจากการกินกับพูดไหม แต่ก็...ดีใจด้วยที่ลงจากคานเสียที”

แสงระวี ถึงกับอ้าปากค้าง จากสิ่งที่เขาพูด เธอยังไม่ได้โต้กลับ เขาก็ลับออกจากห้องเสียแล้ว หญิงสาวหันขวับไปทางก้องภพ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักไหล่ พูดตัดบทก่อนเลยว่า

“ตามนั้นเลยยัยแสง แกไม่ต้องมาตะโกนใส่ฉัน แล้วไม่ต้องมาทวงบุญคุณว่า แกเคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้นะ กำนันเปลวต้องการมืออาชีพอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนั้น และถ้าแกจะทำฉันก็ไม่ว่า ”

แสงระวีอึ้งไปอีกครั้ง ก่อนจะเดินหน้าบึ้งออกจากห้อง ปิดประตูปัง!


1 ความคิดเห็น: